16 ข้อนี้ รู้เถอะ ก่อนไป “มัลดีฟส์” จะได้พูดได้
“มัลดีฟส์” เป็นประเทศหมู่เกาะซึ่งได้ชื่อว่าเป็นจุดหมายที่นักเดินทางหลายคนอยากไปเยือนสักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพราะทะเลสีฟ้าใสจนเห็นพื้นทรายสีขาว รีสอร์ทหรูทอดตัวยาวกลางน้ำ หรือบรรยากาศเงียบสงบจนคุณเหมือนได้หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ไปพักผ่อนบนเกาะส่วนตัว สิ่งเหล่านี้ก็ล้วนแต่เป็นแรงดึงดูดให้บรรดานักท่องเที่ยวอย่างเราไปเยือนมัลดีฟส์อยู่เสมอ
แต่จะไปเที่ยวมัลดีฟส์ทั้งที ถ้าจะให้กลับมาพูดให้เพื่อน ๆ ฟังว่าทะเลสวยมากคงไม่มีสตอรี่ เพื่อนอาจจะยังไม่ค่อยว้าว ลองทำความรู้จักกับ 16 ข้อนี้ รับรองว่าคุณจะมีสตอรี่เล่าให้แฟนคุณฟังระหว่างเดินทาง แถมยังสามารถเอากลับมาเล่าให้เพื่อนฟังจนเพื่อนคุณอาจจะอยากตามคุณไปเลย แต่ใช่ว่าจะมีเพียงสตอรี่เท่านั้น เพราะเรื่องราวเหล่านี้มีประโยชน์ที่คุณจะได้เอาไปใช้จริงด้วยแน่ ๆ ไปดูกันเลยว่าทั้ง 16 ข้อมีอะไร
1. เคล็ดลับเที่ยวมัลดีฟส์แบบประหยัด
บางคนอาจคิดว่าการไปเที่ยวมัลดีฟส์ต้องแพงเว่อร์ แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถเลือกไปแบบประหยัดได้ด้วยการเลือกพักโรงแรมในตัวเมืองมาเล่ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมัลดีฟส์ จากนั้นจึงออกเที่ยวด้วยการซื้อทัวร์แบบ One day trip ซึ่งประหยัดมากแค่ประมาณ 60-70 USD เท่านั้น! ไม่ว่าจะไปดำน้ำ ว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมอะไรก็เลือกแพ็คเกจทัวร์ที่ชอบได้เลย ใครอยากคุมงบต้องลองวิธีนี้เลยครับ
2. เที่ยวมัลดีฟส์ ไปกี่วันดีที่สุด
คนไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะวางแผนไปมัลดีฟส์ประมาณ 3 วัน 2 คืน ซึ่งวิธีนี้ทำให้คุณได้สนุกเต็มที่แค่วันเดียวเท่านั้น ทำไมไม่ลองเพิ่มวันขึ้นอีกสักวัน เป็น 4 วัน 3 คืน รับรองว่าเราจะได้เที่ยวชิลล์ ๆ ถึง 2 วันเต็ม ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนที่มัลดีฟส์
3. ไปเที่ยวฤดูไหนจะได้เห็นทะเลมัลดีฟส์ที่สวยที่สุด
จริง ๆ แล้วมัลดีฟส์นั้นสามารถไปเที่ยวได้ตลอดปีเพราะเป็นประเทศที่มีพื้นที่เป็นหมู่เกาะ ทำให้สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ไม่เก็บน้ำฝน ถึงฝนตกก็ตกไม่นาน ทำให้ทะเลที่นี่สวยและมีน้ำใสทุกฤดู เพราะงั้นจะช่วงไหนก็เที่ยวได้หมดครับ
4. อะทอลล์ (Atoll) คืออะไร? ศัพท์นี่มีเฉพาะที่มีมัลดีฟส์
อะทอลล์ เป็นชื่อการกำเนิดของ หมู่เกาะมัลดีฟส์ ที่เราเห็นกัน โดยจริง ๆ แล้วเริ่มมาจากเกาะภูเขาไฟที่อยู่กลางทะเลครับ นึกภาพตามนะครับบริเวณภูเขาที่อยู่ใต้น้ำวันดีคืนนี้ก็มีแนวปะการังมาเกาะจนรอบภูเขาไฟ เป็นลักษณะวงแหวน และเมื่อระยะเวลาผ่านมากว่า 30 ล้านปี เกาะภูเขาไฟนี่ได้ค่อย ๆ ทรุดตัวลงจนหายลงไปในท้องทะเล ปล่อยให้แนวปะการังที่ก่อตัวเป็นรูปวงแหวนอยู่ค้างอยู่ตรงนั้น และมีการเจริญเติบโตเรื่อย ๆ โดยข้างในวงแหวนปะการังนี้ก็เป็นลากูน ที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก ๆ จากแร่ธาตุที่ออกมาจากภูเขาไฟ จนทำให้เกิดเป็นมัลดีฟส์ดินแดนสวรรค์แห่งนี้ขึ้นมา ซึ่งคำว่า “อะทอลล์” นี่ก็ถูกเอามาเรียกเป็นตัวแทนหมู่เกาะ ๆ หนึ่ง ๆ ในแต่ละโซนหมู่เกาะในมัลดีฟส์อีกทีครับ
5. เกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดของมัลดีฟส์ก็มีรีสอร์ทนะ
เชื่อหรือไม่ว่าเกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดของมัลดีฟส์มีขนาดเท่า ๆ กับสนามฟุตบอลเท่านั้น แต่ก็ยังมีรีสอร์ทให้บริการโดยออกแบบและสร้างที่พักยื่นลงไปกลางทะเล ทำให้มีห้องพักอยู่หลายสิบห้องเลยทีเดียวล่ะ
6. ไปแบบไม่ซื้อทัวร์จะดีไหม
เที่ยวมัลดีฟส์ใครว่าต้องซื้อทัวร์เสมอไป เราสามารถไปด้วยตัวเองได้เลยเพราะที่พักแต่ละแห่งมีบริการรับส่งจากสนามบินอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการเดินทางไปที่พักครับผม แต่ถ้าพูดถึงในเรื่องค่าใช้จ่าย อย่าลืม!! เปรียบเทียบราคากับทางเอเจนซี่ด้วยนะครับ เพราะเอเจนซี่บางทีมีเครดิตที่ดีกว่า สามารถต่อรองราคาได้ดีกว่าเราอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้ราคาแพ็คเกจที่เค้ามีอาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำต้องเช็คกันดี ๆ นะครับ
7. High season หรือ Low Season
แน่นอนว่าความแตกต่างของช่วง High season และ Low season ก็คือ “ราคา” ที่ต่างกันมาก นอกจากนี้ส่วนใหญ่ช่วง High season จะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางมาเยอะกว่า นักท่องเที่ยวจากเอเชียรวมถึงคนไทยเราชอบไปในช่วง Low season มากกว่า ซึ่งจริง ๆ แล้วความสวยงามของทะเลแต่ละช่วงนั้นไม่แตกต่างกันเท่าไรเลยครับ
8. จองโรงแรมแล้ว จองตั๋วเครื่องบินแล้ว แต่อย่าลืมเตรียมงบเดินทางไปรีสอร์ทด้วยนะ
สำหรับคนที่เตรียมตัวจะลุยด้วยตัวเอง ไม่ผ่านเอเจนซี่ เพราะมัลดีฟส์เป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ มากกว่าพันเกาะที่แต่ละเกาะก็มีรีสอร์ทตั้งอยู่ เพราะฉะนั้นแค่จองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินนั้นยังไม่จบแค่นี้ครับ เรายังต้องมีค่าเดินทางไปรีสอร์ทที่อยู่บนเกาะแต่ละเกาะด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมเตรียมงบมาให้ดี ซึ่งอาจจะมีทั้งการเดินทางโดยใช้เรือไปจนถึงใช้เครื่องบิน Sea plane (ราคาสูงมาก แต่วิวที่ได้ก็สวยประทับใจไม่รู้ลืมเลยล่ะ) ถ้าต้องการความสะดวกสบายแนะนำให้ติดต่อลองสอบถามเอเจนซี่ดูก็ได้ครับ แล้วลองคำนวณดูนะครับว่าแบบไหนคุ้มกว่ากัน
9. อยากว่ายน้ำกับฉลามสักครั้งในชีวิต ต้องมามัลดีฟส์
ระหว่างว่ายน้ำอยู่เราอาจเจอกับฉลามมาว่ายวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ แต่ก็ไม่ต้องตกใจไปเพราะฉลามที่อยู่น้ำตื้นจะไม่ดุร้าย ไม่ทำร้ายคน สามารถต่างคนต่างอยู่ได้ โดยที่อย่าเผลอไปวุ่นวายกับมันล่ะ
10. ทำความรู้จักกับแพ็คเกจที่พัก
บางครั้งเวลาจองที่พักในมัลดีฟส์เรามักเจอแพ็คเกจต่าง ๆ ที่ทางโรงแรมมีให้เลือก บางทีก็แอบงงว่ามันต่างกันอย่างไร ลองมาดูดีกันว่าแพ็คเกจแต่ละแบบนั้นต่างกันยังไง Half board = เป็นแพ็คเกจที่พักรวมอาหารเช้าและเย็น หรือเลือกได้ว่าจะรับเป็นมื้อไหน แต่ไม่รวมเครื่องดื่มนะครับ Full board = แพ็คเกจที่พักรวมอาหารครบทุกมื้อ คือ เช้า กลางวัน เย็น แต่ไม่รวมเครื่องดื่มเช่นเดียวกัน All inclusive = แพ็คเกจสุดพิเศษที่รวมทุกสิ่งอย่างเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทุกมื้อและเครื่องดื่มทุกประเภทรวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
11. เลือก All Inclusive แล้วดียังไง?
ถ้าเราเลือกแพ็คเกจแบบ All inclusive เมื่อไปถึงมัลดีฟส์ก็เหมือนเราไปนอนกินลมชมวิว เล่นน้ำทะเลชิลล์ หิวก็เดินขึ้นมาเลือกเครื่องดื่มหรือทานอาหารแต่ละมื้อได้อย่างสบายใจ แทบไม่ต้องพกเงินติดตัวไปด้วยยกเว้นจะเที่ยวนอกเหนือจากโปรแกรมของแพ็คเกจ เพราะ All inclusive คือการรวมทุกสิ่งเอาไว้ให้คุณแล้วทั้งที่พัก อาหาร และเครื่องดื่ม
12. พกเงิน USD ไปใช้ที่มัลดีฟส์ได้สบาย ๆ
ถึงแม้ว่ามัลดีฟส์จะใช้เงินสกุลรูฟียาห์ (Ruffiya) แต่เราก็สามารถใช้เงิน USD หรือดอลล่าห์สหรัฐที่นี่ได้ ไม่ว่าจะใช้ให้ทิปส์พนักงานหรือใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ
13. เขตเวลาของที่มัลดีฟส์และภาษาสื่อสาร
ที่มัลดีฟส์เวลาจะช้ากว่าประเทศไทยอยู่ 2 ชั่วโมง และไม่ต้องกังวลว่าจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องเพราะคนที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้ดี นอกจากนี้รีสอร์ทบางแห่งยังมีพนักงานคนไทยหรือพนักงานที่พูดไทยได้อีกด้วย
14. สายการบินจากไทยบินตรงสู่มัลดีฟส์
ปัจจุบันประเทศไทยของเรามีสายการบินตรงที่บินสู่มัลดีฟส์คือ บางกอก แอร์เวย์ แอร์เอเชีย และศรีลังกัน แอร์ไลส์ต่อเครื่องที่โคลัมโบ
15. พนักงานเป็นมิตรมากกว่าที่เห็นภายนอก
พนักงานแต่ละรีสอร์ทอาจดูนิ่ง ๆ แต่จริง ๆ แล้วทุกคนมีความเฟรนด์ลี่มาก เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวจริง ๆ คุยเล่นสนิทกันเป็นเพื่อนระหว่างที่นู้นได้เลยนะครับ
16. เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการไปเที่ยวจัดเต็มแบบ All inclusive
เมื่อเราเลือกไปพักผ่อนที่มัลดีฟส์ทั้งที ก็ต้องจัดเต็มหน่อยครับและคุ้มค่าจริง ๆ ครบครันตั้งแต่ที่พัก อาหาร การเดินทาง เรื่องอาหารนี่จัดเต็มทุกมื้อในแบบ International buffet แน่นอนครับว่าเรื่องอาหารทะเลไม่ต้องพูด สดใหม่ มาก ๆ ผมลืมไปครับว่าที่มัลดีฟส์คนที่นี่เป็นมุสลิมกันนะครับ (ไม่กินหมูกันนั้นเอง) แต่ไม่ต้องเป็นกังวลเลยครับเพราะด้วยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยอะ ทำให้คนที่นี่ก็มีบริการเซิร์ฟอาหารที่เป็นหมูเช่นกัน สำหรับท่านที่แพ้อาหารทะเล ก็มีเป็นหมู ไก่ บริการให้พร้อมครับ แต่สำหรับเกาะที่เป็น Local ทางที่พักอาจจะไม่มีบริการให้นะครับ เพราะชาวบ้านเค้าถือกันครับ จะไม่เหมือนในโรงแรมนะครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการหาร้านอาหารการกินเลยครับ ไปซึมซับบรรยากาศทะเลสวยน้ำใส สนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ได้เต็มที่จนวันสุดท้ายเลยครับ
และนี่ก็คือ 16 ข้อควรรู้ก่อนไปมัลดีฟส์ จะได้คุยให้ใครต่อใครฟังได้แบบสนุก ๆ แถมยังนำไปใช้ในการวางแผนเที่ยวของเราได้อีกด้วย